เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 21 พฤศจิกายน 2558 ร.ต.ท.สุทิน บำรุงจิตต์ รอง สวป. สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุว่ามีชาวบ้านสามารถจับกุมตัวกลุ่มคนร้ายลงมือก่อเหตุข่มขืนสาวไว้ได้ เหตุเกิดห้องพักในซอยกอไผ่ พัทยาใต้ ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังรุดตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุ ภายในห้องพักชั้น 3 พบผู้เสียหาย น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี นอนร้องไห้ อยู่บนเตียงนอน ตำรวจและชาวบ้านจึงเข้าช่วยเหลือ ก่อนจะประสานเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา ส่งโรงพยาบาลบางละมุง
ส่วนคนร้ายก่อเหตุได้มีชาวบ้านสามารถจับกุมไว้ได้จำนวน 2 คน ทราบชื่อคือนายชนาธิป วิเศษหอม อายุ 26 ปี และนายอิทธิพล เดชบุญ อายุ 33 ปี ทั้งคู่ตามร่างกายมีรอยสักเต็มเรือนร่าง โดยอยู่ในสภาพใบหน้ามีแผลแตก ได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบห้องพักเกิดเหตุ พบถุงยางอนามัยจำนวนหนึ่งที่ใช้แล้วและไม่ใช้แกะใช้ตกอยู่เกลื่อนพื้น รวมถึงเสื้อผ้ากลุ่มผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้พบผู้เสียหายได้ดื่มสุราร่วมวงกับกลุ่มผู้ก่อเหตุประมาณ 5 คน อยู่ที่บริเวณชั้นล่างของห้องพัก จากนั้นไม่นานได้สังเกตเห็นกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นผู้ชายแปลกหน้าเดินเข้าไปภายในห้องพักผู้เสียหายแบบผิดปกติ ด้วยความสงสัยจึงแอบส่องกล้องตาแมวประตูห้องพักผู้เสียหาย ก็ต้องถึงกับตกใจอย่างมาก เมื่อเห็นภาพผู้เสียหายถูกกลุ่มคนร้ายกำลังต่อคิวข่มขืนรุมโทรม จากนั้นจึงเรียกเพื่อนมาวางแผน ก่อนจะพังประตูห้องพักเข้าไปช่วยเหลือผู้เสียหาย ทำให้กลุ่มคนร้ายรวม 5 คน ซึ่งบางคนแก้ผ้าอยู่ต่างพากันวิ่งหลบหนี โดยจับกุมไว้ได้เพียง 2 คน ก่อนจะมีชาวบ้านทราบข่าวมากันรุมประชาทัณฑ์คนร้าย แล้วโทรศัพท์เรียกตำรวจมาจับกุม
ร.ต.ท.สุทิน เปิดเผยว่า ในเบื้องต้น คนร้ายทั้งสองคน ได้ให้การอ้างว่า ฝ่ายผู้เสียหายได้เรียกกลุ่มคนร้ายไปร่วมเพศสัมพันธ์โดยอย่างเต็มใจ แต่จากการสอบถามพยานแวดล้อมได้ความว่า กลุ่มคนร้ายได้นั่งเรียกผู้เสียหายมานั่งดื่มสุราด้วย ก่อนจะลงมือก่อเหตุมอมเหล้าผู้เสียหายจนเมามายและไม่ได้มีสติ ก่อนจะลวงผู้เสียหายขึ้นไปก่อเหตุลวงไปข่มขืนรุมโทรมดังกล่าว
นอกจากนี้ จากากรตรวจสอบประวัติของคนร้ายทั้งสองราย พบว่าเคยต้องโทษคดีเกี่ยวกับยาเสพติด และคดีลักทรัพย์ในพื้นที่เมืองพัทยาและใกล้เคียงมาแล้วหลายครั้ง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุที่เหลือมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
